Num | Sahathust

Sep 10, 20191 min

โลกทั้งใบคือการทดลอง (The whole world is an experiment)

ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือเรื่อง Everybody Lies ของ Seth Stephenens นัก Data-Scientist ประจำกูเกิล มีบทหนึ่งรู้สึกว่ามันช่างเหมาะเหลือเกิน ที่จำนำวิธีดังกล่าวมาใช้ในการทำธุรกิจ ยิ่งเมื่อมาใช้กับการทำการตลาดออนไลน์ด้วยแล้วทุกคน ยิ่งจำเป็นต้องรู้ลองมาติดตามกันดูครับ

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2000 เป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส เป็นวันที่กลายเป็นวันพิเศษของกูเกิล ทีมวิศวกรของกูเกิลได้ค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่ที่สามารถปฏิวัติวงการอินเตอร์เน็ตไปได้ทั่วโลก ค้นพบวิธีนำให้ผู้ท่องเว็บไซต์ ให้เข้าไปใช้บริการบนเว็บหนึ่งๆ กลับมาใช้งานในเว็บนั้น และไม่ออกจากเว็บไปที่อื่นอีกเลย วิธีที่พวกเขาค้นพบก็คือ "การทดสอบแบบสุ่ม"

การทดลองนี้ กูเกิลได้นำคนมา 20 คน นำมาแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มทดลองแรกจะเห็นลิงค์ 20 ตัวบนหน้าผลลัพธ์การค้นหา อีกกลุ่มหนึ่งจะเห็นเพียง 10 ลิงค์ในหน้าดังกล่าว และทีมวิศวกรก็ทำการเปรียบเทียบความพึงพอใจ โดยวัดจากความถี่ในการกลับมาใช้งานเว็บกูเกิล ซึ่งการทดสอบนี้เหมาะสมมากในโลกออนไลน์ เนื่องจาก ใช้เงินไม่มาก ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องจ่ายเงินให้ผู้ทดสอบ ที่ต้องทำคือแค่เขียนโปรแกรมขึ้นมาเลือกผู้ใช้งานแบบสุ่ม ไม่ต้องให้ใครมากรอกแบบสอบถาม เพราะเรารู้ถึงการเลื่อนเมาส์ และการคลิกของผู้ใช้ ไม่ต้องโทร ไปคุยกับผู้ใช้คนไหน และไม่ต้องบอกกับคนที่ถูกเลือกด้วยซ้ำว่า “เขากำลังถูกทดสอบอยู่” ในปัจจุบันเราเรียนการทดลองแบบสุ่มบนระบบดิจิตอลว่า “A/B Testing” ข้อมูลใน BigData ของกูเกิลทำให้โลกทั้งใบกลายเป็นห้องทดลองไปแล้วครับ

ทำไมเราถึงต้องทดลองด้วยหล่ะ

เชื่อมั้ยครับว่าหลังจากนั้น กูเกิลก็ได้เริ่มทดลอง โดยใช้ A/B Testing เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้ากูเกิลอยากรู้ว่าสีฟ้าแบบไหนที่คนคลิกมากกว่ากัน ก็แค่สร้างเว็บสองเวอร์ชั่น และวัดผลโดยดูจากผู้ใช้ว่า พวกเขาคลิกแบบไหนมากกว่ากัน ในปี 2009 กูเกิลทดสอบผู้ใช้เฉพาะว่า สีฟ้าเชดไหนดีกว่ากันโดยมีเชดสีฟ้าทดลองถึง 41 เชดสี มีข่าวว่าพนักงานบางคนถึงกับลาออกเพื่อแสดงจุดยืนว่า วิธีนี้มาทำลายวงการศิลปะในการใช้สีเลยที่เดียว อดีตพนักงานบางคนก็นำวิธีการทดสอบนี้ไปช่วยในการเลือกตั้งในสมัย โอบามา โดยจะทำแคมแปญว่าภาพแบบใดบนเว็บไซต์ ท่ีจะทำให้คนสนับสนุนแคมแปญและช่วยบริจาคเงินมากที่สุด ลองดูภาพข้างล่างแล้วทายดูกันครับ ว่าการวางภาพ วางปุ่ม ข้อความแบบไหน มีคนคลิกเพื่อบริจาคมากที่สุดกัน ลองเดาเล่นๆดูครับ

คุณคิดว่าภาพไหนที่คนคลิกมากที่สุด

ลองเดากันว่าปุ่มไหนที่มีคนคลิกมากที่สุด จะขอเฉลยท้ายบทความนี้ครับ

แล้วปุ่มแบบไหนหล่ะครับที่ส่งผลให้คลิกมากที่สุด

การทำงานของ A/B Testing

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่คาดเดายากมาก การใช้สามัญสำนึกเพื่อประเมินพฤติกรรม อาจจะเกิดความคลาดเคลื่อน และความผิดพลาดเสมอ วิธี A/B Test นี้สามารถแสดงผลและให้คำตอบได้แม่นยำมากกว่า การทดลองเล็กๆน้อยของกูเกิลบางอย่าง ส่งผลลัพธ์อย่างมหาศาล ยกตัวอย่างในเดือนธันวาคม 2012 กูเกิลได้เปลี่ยนรูปแบบการโฆษณาของตัวเอง โดยการเพิ่มปุ่มสีเหลี่ยมจัตุรัสที่มีลูกศรชี้ไปทางขวาเข้าไป

กูเกิลได้ค้นพบว่าถ้าเพิ่มไอคอนสี่เหลี่ยมนี้เข้าไปเพิ่มให้คนคลิกมากขึ้น

รู้สึกแปลกมั้ยครับ ลูกศรชี้ไปทางขวาทำไม มีหลายคนวิจารณ์กันว่าออกแบบไม่ได้เรื่องเลย แต่ปรากฏว่ามีผู้ท่องเว็บคลิกปุ่มนี้จำนวนมหาศาล และส่งผลให้กูเกิลได้รับผลตอบแทนค่าโฆษณาและทำให้ลูกค้าเข้าเว็บไซต์เป็นจำนวนมากจากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยนี้

ไม่แปลกเลยถ้า Facebook จะนำ A/B Test นี้มาใช้บ้าง เฟสบุ๊คได้ทดลองA/B Test มากกว่าวันละพันครั้ง และการเปลี่ยนสีของเว็บไซต์ก็มาจากผลลัพธ์ของการทดลองนี้แหล่ะครับ เพื่อจะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ผู้คนเสพติด การใช้งานบน Facebook พยายามเขมือบเวลาให้ผู้ใช้อยู่ในระบบให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

นอกจากยักษ์ใหญ่ทั้งสองตัว วงการเกมส์ต่างๆ ก็นำ A/B Test มาทำให้ผู้เล่นติดกันงอมแงม ยกตัวอย่างเกมส์ World of Warcraft ได้ทดลอง A/B Test หลายเวอร์ชั่นมาก ทำให้ค้นพบว่า ภารกิจที่ให้ผู้เล่นไปช่วยคน ส่งผลให้ผู้เล่นกลับมาเล่นเกมส์บ่อยเพิ่มขึ้นถึง 30% เลยทีเดียว

ปัจจุบันมีธุรกิจหลายตัวที่นำ AI เข้ามาร่วมในการทดลองนี้ด้วย หลายธุรกิจ ที่เกี่ยวกับพวกเราคงหนีไม่พ้น ผู้นำในวงการหนังซีรีย์อย่าง NetFlix ทำไม Netflix ถึงต้องปล่อยซีรีย์มาทีเดียว 8 ตอนพร้อมกันหล่ะ ทั้งหมดนั้นคือผลลัพธ์จาก A/B Testingครับ

คลาก เบนสัน CEO ของ ranker.com ได้กล่าวว่า “สุดท้ายแล้วคุณไม่ควรเดาอะไรเลย ดังนั้นทดสอบให้หมดทุกเรื่องเลยจะดีกว่า”

ขอเฉลย นี้คือภาพที่มีคนคลิกเข้าไปร่วมมากที่สุดครับ

A/B Test ได้กลายมาเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด ในการออกแบบและควบคุมพฤติกรรม ทำให้ผู้ใช้เสพติดการใช้งานบนระบบดิจิตอล เราไม่สามารถทราบได้ว่ามันจะส่งผลกระทบที่ดีหรือแย่ต่อสังคมได้ขนาดไหน แต่สิ่งที่เราพอจะนำมาใช้ได้ก็คือ ด้านดีของมัน เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีขึ้นบนระบบดิจิตอลของเรา เท่านี้ก็เพียงพอ และเมื่อไรก็ตามที่เรารู้สึกวาตัวเอง ได้เสพติดบนระบบ หรือเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง ก็ขอให้รู้ตัวกันครับว่า คุณได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองไปเรียบร้อยแล้ว

หนุนนำเรามีบริการทำ A/B Testing เพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มประสบการณ์ให้ผู้ใช้บนเว็บไซต์ธุรกิจ และนำมาใช้ในการทำตลาดออนไลน์ให้ทุกธุรกิจ เพื่อให้เจอลูกค้าที่ใช่ ได้ง่ายได้สะดวกขึ้นครับ สามารถคลิกที่ลิงค์นี้เพื่อติดต่อหนุนนำได้ หรือคุยกับเราผ่านไลน์แอดได้ครับ @Noonnum| Digital Marketing Buddy

    80
    0