ทำไมเรารู้สึกว่าวันนี้ ไม่มีพลังในการทำงานเลย เวลาทำรายงานก็นั่งใจลอย เวลาวางแผนธุรกิจก็คิดไม่ออกว่าต้องทำยังไง หัวไม่แล่น หลังกินข้าวเที่ยงทำไมมันง่วงอย่างนี้ บางครั้งเผลอนั่งสัปงกในเวลางาน บางคนหาทางออกโดยการหาเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มพลังชั่วคราว เช่นกาแฟเข้มๆ หรือพวก Enery Drink กระทิงแดงหรือเอ็มร้อย มาดื่ม จะได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อย แต่แป้บเดียวก็เหี่ยวเหมือนเดิม อาการนี้เราเรียกว่า หมดพลังในการทำงานครับ ไม่ว่าจะเป็น พลังกายหมดแรง หรือ พลังใจก็หมด นั่งถอนหายใจทิ้งไปวันๆ
พลังกาย/พลังใจ (Enery) เหล่านี้สำคัญมากนะครับ ไม่แพ้เรื่อง"เวลา" ที่เราคุยกันบทความก่อนๆนั้น เราลองมาดูกันว่าวันนี้หนุนนำ นำเทคนิคอะไรมาใช้กันบ้าง เทคนิคที่เราจะแนะนำวันนี้จะเป็นการเพิ่มพลังในระยะยาวให้การทำงานทั้งวันให้มากขึ้น และอยู่ได้นานขึ้น หลังจากกลับไปที่บ้านก็จะมีพลังงานต่อเพื่อ อยู่กับคนที่รัก สามี ภรรยา และลูกได้อย่างต่อเนื่องกันเลย เริ่มกันดีกว่า
เทคนิค 01 ลดเวลาทำงานให้น้อยลงแต่ให้เข้มขึ้น เอ๊ะมันหมายความว่ายังไง? อธิบายสั้นๆก็คือ โฟกัสกับการทำงานอย่างเดียวภายในเวลา 25 นาทีและพักครับ มีงานวิจัยหนึ่งบอกว่า มนุษย์เราจะมีเวลาโฟกัสกับงานๆหนึ่งประมาณ 25 นาที และงานที่ทำนั้นจะมีผลลัพธ์ออกมายอดเยี่ยมที่สุด ในระหว่าง 25นาทีนั้น เราควรทำงานอย่างเดียว ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่ควรเช็คอีเมล์ ควรจะจดจ่อกับสิ่งที่เราทำไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตามครับ สำหรับผมหรือบางคนอาจจะมองว่า 25 นาทีนั้นน้อยเกินไปนิด เวลาที่ผมว่าเหมาะกับผมที่สุดน่าจะประมาณ 45 นาทีโฟกัส และผมจะหยุดสัก 15 นาที เดินเล่น ดื่มน้ำ พักสมองครับ และกลับไปทำงานนั้นต่อหรือทำงานใหม่ครับ จะทำให้เราสามารถได้งานได้ดีและพลังก็จะไม่ลดไปมากด้วยครับ
เทคนิค 02 ออกกำลังกายแบบง่ายๆ (Light Workout) สิ่งที่ทำให้เรามีพลังได้ทั้งวันนั้นก็คือการออกกำลังกาย แต่ไม่ใช่การไปยิม ไปFitness หรือสร้างกล้ามเนื้อแบบซีเรียจนะครับ เป็นการออกกำลังกายแบบเบาๆที่ดีที่สุดคือ การเดิน 20 นาทีครับ อาจจะเป็นการเดินมาทำงาน หรือ เดินพักผ่อนรอบๆออฟฟิศ ในตอนเบรค อย่างผมก็จะเลือกใช้ช่วงเช้าเดินให้หัวใจได้สูบฉีดหน่อยครับ การออกกำลังกายทำให้สมองดีขึ้น อารมณ์ดีขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วยครับ
เทคนิค 03 หาเครื่องมือช่วยให้การทำงานทำได้ง่ายขึ้น การใช้เครื่องมือ ช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้น เครื่องมือง่ายๆ ที่ผมมักจะแนะนำก็คือ หูฟังครับ การใช้หูฟังในเวลางาน ช่วยเพิ่มพลังโฟกัสได้มากครับ และในการเขียน สำหรับนักเขียนบางคนส่วนใหญ่จะเขียนหรือพิมพ์คำได้ประมาณ 600 คำต่อชั่วโมง หลังจากนั้นก็มีนักเขียนหลายคนเลือกที่จะใช้ไมค์เพื่อช่วยเขียนครับจาก 600 คำเพิ่มเป็น 3500 คำได้เลยเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีการเปลี่ยนคำพูดเป็นคำค่อนข้างแม่นยำและเร็วขึ้นมากครับ ลองใช้กันดูนะครับ
เทคนิค 04 การนอนหลับ อย่างที่หลายๆคนรู้ครับว่าการนอนหลับนั้นดี แต่มักจะไม่ค่อยมีคนทำกันได้ถ้าจะให้นอน 8 ชั่วโมงต่อวัน ทำได้ยากยิ่งช่วงที่ Netflix ปล่อยซีรีย์มาถึงขนาดนี้ หรือปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ยังไม่รวมไปถึงการนั่งเล่น Internet รอบดึกอีก บางคนปล่อยให้ตัวเองยาวเกือบถึงเที่ยงคืน ทำให้การทำงานในวันถัดไปนั้น หมดพลังครับ เราไม่ได้โฟกัสมากครับว่าจะนอนได้มากถึง 8 ชั่วโมงหรือเปล่าแต่เราควรโฟกัสที่คุณภาพของการนอนนั้นดีกว่า นั้นก็คือ การนอนให้ได้ถึง Stage ที่เรียกว่า Deep Sleep ครับ ในช่วงนี้จะทำให้สมองของเรารักษาตัวเอง ฮอร์โมนในการดูแลร่างกายและสมองก็จะออกมาครับ ในช่วงDeepSleep นี้จะไม่ฝัน(ความฝันจะอยู่ในช่วง REM Stage) จะเป็นช่วงที่ร่างกายได้พักผ่อนอย่างแท้จริงครับ และการให้เขาถึง Stage ต้องทำยังไงบ้างหล่ะ เราควรจะต้องจัดบรรยากาศในห้องนอน ให้เงียบ ให้สงบ ให้มืด และพยายามเอามือถือเข้ามาครับ ก่อนนอนควรจะดื่มน้ำและไม่ดูจอต่างๆ และที่สำคัญพยายามอย่ากินกาแฟในช่วงก่อนนอน กาแฟ 1 แก้วมีผลถึง 8 ชั่วโมง ถึงแม้เราจะบอกว่าเราหลับนะแต่มันจะทำให้เราไปไม่ถึง Deep Stage จะให้อยู่แค่ REM (Repid Eye Movement Stage) เท่านั้นครับ ดังนั้นถ้าใครจะนอนสักสี่ทุ่มและอดกาแฟไม่ได้ เราก็ควรจะกินกาแฟแก้วสุดท้ายที่บ่ายสองครับ
เป็นยังไงกันบ้างครับ ค่อยๆปรับใช้กันนะครับ กับสี่เทคนิคนี้ จะส่งผลให้พลังงานของคุณอยู่ยาวกันตั้งแต่เช้าจนถึงดึกกันเลย ใครทำแล้วได้ผลยังไงก็แจ้งผลที่คอมเมนท์ได้ครับ ส่วนใครมีเทคนิคอื่นๆก็แนะนำหน่อยนะครับ ใครที่สนใจการมีเว็บไซต์และทำการตลาดออนไลน์ ก็กดนัดคุยกันได้ที่ลิงค์นี้ครับ
Comments