ไม่น่าเชื่อเลยว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน หลายคนต้องทำงานอยู่ที่บ้าน การทำงานที่บ้านนั้น หลายอย่างแตกต่างจากที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมที่บ้าน คนในครอบครัว สัตว์เลี้ยง เตียงนอน ขนมในตู้เย็น ซึ่งคอยแย่งเวลา และความสนใจในการทำงานของเราออกไป การโฟกัสกับงานเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ทั้งนี้ยังไม่รวมการโดน Distraction จากมือถือ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แย่งความสนใจจากเราตลอดเวลา แล้วเราจะทำอย่างไรที่จะสามารถโฟกัสกับงาน ตอนที่เราทำงานที่บ้านหรือ Work From Home ได้ วันนี้ทีมหนุนนำ นำเอาเทคนิค มาช่วยให้พวกเราปรับตัว ให้สามารถนั่งทำงานที่บ้านได้ดีขึ้นกัน
10 เทคนิคในการทำงานที่บ้านให้มีประสิทธิภาพ
กำหนดตารางเวลาในการทำงาน
แต่งตัวให้เหมือนกับไปที่ทำงาน
กำหนดเดดไลน์ให้กับงานที่ต้องทำ
ให้วางแผนอาทิตย์ต่ออาทิตย์
เซ็ตอัพเครื่องมือในการทำงานออนไลน์
หมั่น Log-out
กำหนดเวลาเบรค หรือหยุดพัก
จัดสถานที่และโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย
ใช้แอพช่วยในการจัดการ
ทำทุกอย่างให้เป็น Routine
กำหนดตารางเวลาในการทำงาน (Make Working Schedule)
สิ่งที่ยากที่สุดในการนั่งทำงานที่บ้านคือ การควบคุมตัวเอง ตัวเราประกอบด้วยร่างกายและจิตใจ ในหัวเรามักจะมีการต่อสู้กันอยู่เสมอ ระหว่างสองฝ่าย ฝ่ายที่หนึ่งชื่อ เหตุผลหรือตรรกกะ ส่วนอีกฝ่ายคือ อารมณ์และความรู้สึก ทั้งสองฝ่ายถูกควบคุมด้วยสมองของเราคนละส่วน ส่วนที่เป็นเหตุและผลถูกคุมด้วยสมองส่วนหน้าผากหรือ Prefrontal Cortex ส่วนที่ควบคุม อารมณ์และความรู้สึก คือสมองส่วนที่เรียกว่า Amygdara ทั้งสองส่วนสู้กันตลอดเวลา แต่คนส่วนใหญ่ มักจะยอมให้ส่วนของอารมณ์ และความรู้สึกเป็นฝ่ายชนะ สิ่งที่ตามมาคือ เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำงาน สมองก็พยายามให้ เราเลือกทางสบาย อย่างการนั่งดูทีวี อ่านหนังสือการ์ตูน หรือเปิด Netflix ดูซีรีย์ สิ่งที่เป็นตัวช่วยนั้นก็คือ การวางแผนเวลาในการทำงานเป็นเวลา และจัดเวลาพักให้เป็นเวลา ยกตัวอย่างตั้งเวลาทำงาน คือ 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็นก็จะเป็นตัวช่วยที่ดีครับ เป็นการบอกให้เราเตรียมตัว เลือกเวลาที่เราสามารถโฟกัสกับงานได้ให้ทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรืองานที่ซับซ้อน ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเช้า และในช่วงบ่ายก็หางานที่ไม่ต้องใช้ความคิดมากมานั่งทำครับ
แต่งตัวให้เหมือนกับไปที่ทำงาน (Get Dressed)
การเซ็ตเวลาการทำงาน อย่างเดียว อาจจะไม่มีพลังพอในการช่วยให้คุณทำงานที่บ้านได้ดี สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือ คุณต้องทำทุกอย่างเหมือนตอนที่คุณไปทำงาน เลือกชุดแต่งกายสำหรับทำงาน เพราะคุณอาจจำเป็นต้องประชุมออนไลน์กับทีม หรือติดต่อกับลูกค้าผ่านทาง VDO Conferance คุณจะได้พร้อม การที่แต่งตัวทำงานนั้น ช่วยให้คนที่บ้าน ของเรารู้ว่า วันนี้ช่วงเวลานี้ ควรจะทำตัวอย่างไร เพื่อช่วยให้เราทำงานได้สะดวกขึ้น บางคนการแต่งหน้า หรือเลือกรองเท้าทำงาน ก็ทำให้เราสามารถเพิ่มการโฟกัสในงานได้มากขึ้นแล้ว ให้เลือกแต่งชุดที่เหมาะสม ไม่ต้องถึงขนาดผูกไท หรือใส่สูทก็ได้นะครับ
กำหนดเดดไลน์ให้กับงานที่ต้องทำ (Set Deadlines)
การกำหนดเวลาสิ้นสุด หรือ มีเส้นตายให้กับงาน จะทำให้งานนั้นเสร็จสิ้นได้จริงๆ เทคนิคนี้จะเหมาะมากกับคนที่ชอบผลัดวันประกันพรุ่ง รวมถึงตัวผู้เขียนด้วย เมื่อเรากำหนดเวลาจบงาน เราจะทำงานนั้นได้ดีขึ้น สัญชาตญาณของมนุษย์เราชอบความท้าทาย เราจะรู้สึกถึงความกระตือรือร้น การกำหนดเส้นตายนี้ จะช่วยให้ตัวเรา และทีมเรา คอยตรวจสอบซึ่งกันและกัน และเราไม่ควรกลายเป็นตัวถ่วงของทีมซะเอง สิ่งนี้จะช่วยได้มาก กับการทำงานที่บ้านครับ
ให้วางแผนอาทิตย์ต่ออาทิตย์ (Making a week plan)
งานทุกงานควรวัดผลได้ เช่นเดียวกับแผนทุกแผน ต้อง Execute ได้ และต้องวัดประสิทธิผลได้ เมื่อเราวางแผนเป็นอาทิตย์ เราจะสามารถเห็นภาพรวมของงานในอาทิตย์นั้น เราจะมีช่วงเวลาในการรีวิว ว่าแผนรายอาทิตย์นั้น ผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง เป็นไปตามแผนหรือ มีปัญหาหรือไม่ ผมแนะนำให้กำหนดเวลา หาวันว่างๆ มานั่งรีวิวการทำงานที่บ้าน และกำหนดแผนสำหรับอาทิตย์ต่อไปครับ อาจจะเป็นเย็นวันศุกร์ หรือวันอาทิตย์ก็ได้ครับ ในช่วงกักตัวอยู่ที่บ้านนี้ อาจจะกินเวลานานกว่าที่เราคิด นำเทคนิคนี้ไปปรับใช้กันดูครับ
เซ็ตอัพเครื่องมือในการทำงานออนไลน์ (Setup A Digital Tools)
เอาค่าน้ำมัน หรือค่าเดินทางที่คุณไม่ต้องจ่าย นำมาลงทุน หาเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเหล่านี้มาใช้ เรียนรู้การทำงานรูปแบบใหม่ รีสกิลกัน ปัจจุบันความแรงของอินเตอร์เน็ต การทำงานของโลกในยุค 5G นี้ เราสะดวกมากที่จะทำงานที่บ้าน หรือที่ไหนๆบนโลกนี้ เรามีวีดีโอออนไลน์ เรามีมือถือที่เป็นกล้องความละเอียดสูง เรามีระบบคลาวด์ ที่สะดวกและประหยัด สามารถทำงานร่วมกันได้ ทั้งรวดเร็วและปลอดภัย ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงเหล่านี้ได้ การทำงานที่บ้านในปัจจุบัน จึงง่ายกว่าในอดีตมากมาย โปรแกรมที่ผมแนะนำ อย่าง zoom.us ,Google Hangout,Google Meet,Skype หรือ Slack ก็เปิดโอกาสให้ใช้งานได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นเครื่องมือที่เหมาะในการทำงานที่บ้าน ลองท้าทายตัวเอง สนุกกับการเรียนรู้ดูครับ
หมั่น Log-out (Get Away from Social Network)
ไม่ใช่ Log-out จากการทำงานนะครับ Log Out จากโซเชียลมิเดียต่างๆที่เรามักจะเปิดมันอยู่เสมอ สิ่งที่คอยกวนใจ กวนเวลาการทำงานมากที่สุดก็คือ บรรดาโซเชียลมิเดียเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter,Instagram ,Line,Tiktok หรือแม้กระทั่งการเช็คอีเมล์ โปรแกรมเหล่านี้ออกแบบมาให้เรา Hook กับมันครับ ยิ่งทำให้เราเกิดความรู้สึกหรือโรคประเภท FOMO (Fear Off Missing Out) จำเป็นต้องคอนเน็คกับกลุ่มหรือเสพข่าวสารอยู่เสมอ Log Out กันครับ มานั่งโฟกัสกับการที่อยู่ตรงหน้ากัน จะทำให้คุณมี Productivity ขึ้นมากๆ ข้อดีที่เสริมคือ เมื่อคุณไม่เสพข่าว คุณก็จะไม่กังวลมาก ทำให้สุขภาพจิตดี นอนหลับพักผ่อนได้ดี สุขภาพกายก็จะแข็งแรงตามไปด้วย ไวรัสก็ทำอะไรคุณไม่ได้
กำหนดเวลาเบรค หรือหยุดพัก (Taking a Break)
นักรบที่ดีเขาจะเอาเวลาส่วนใหญ่ดูแล ซ่อมแซม ทำความสะอาด อาวุธของตัวเอง และอาวุธของคนทำงานอย่างเราก็คือ ร่างกายและจิตใจ การหยุดพักเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เป็นการซ่อมแซม ต่อยอด และเชื่อมต่อจุดต่างๆในงาน ทำให้งานที่ยาก เข้าใจได้ง่ายขึ้น เมื่อเราหยุดพัก ทำให้ปัญหาบางอย่างคลี่คลาย เราจะเจอทางออกในเวลาที่เราหยุดพัก เวลาอาบน้ำ เวลาออกกำลังกาย เวลาเล่นกับลูกๆ เวลาที่เรา Relax เราจำเป็นต้องกำหนดเวลาพักบ้างครับ สิ่งที่น่ากังวลก็คือ หลายคนเอาเวลาพักมาเล่นมือถือ การใช้มือถือไม่ถือว่าเป็นการพักนะครับ เป็นการเพิ่มภาระให้กับสมองอีกกิจกรรมหนึ่งมากกว่า บางครั้งเราควรจัดเวลาในการนั่งสมาธิก็จะดีมาก การนั่งสมาธิ สามารถเพิ่มพลังโฟกัสและพลังในการจดจำของตัวเราได้ดีมาก
จัดสถานที่และโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย(Make a Space)
สมองเราจะทำงานได้มีประสิทธิภาพที่สุดเวลาที่โต๊ะทำงานเราโล่ง สิ่งแวดล้อมมีผลต่อการทำงานของพฤติกรรมเราเกือบ 80% ยกตัวอย่างถ้าใครอยากลดความอ้วน ถ้าเปิดตู้เย็นมามีของกินอร่อยๆเตมตู้จะลดได้มั้ย? แต่ถ้าใครอยากลดความอ้วนแล้วที่บ้านไม่มีของกินเลย มีแต่ผลไม้หรือ ของที่มีประโยชน์ ใครกันที่จะลดความอ้วนได้ เช่นเดียวกับการทำงาน เราควรจะบ้าน จัดห้องให้เหมาะสมกับการทำงานจะช่วยให้เราทำงานที่บ้านได้ดีขึ้น
ใช้แอพช่วยในการจัดการ (Let Use Focus App)
เราเคยแนะนำแอพ บ้างตัว ที่ช่วยให้เราโฟกัสกับงานได้มากขึ้น ยกตัวอย่าง แอพชื่อว่า Forest จะทำให้เราไม่สามารถใช้งานหรือเล่นมือถือได้ในช่วงเวลาที่เรากำหนด หรือ แอพประเภทไม่อนุญาตให้เราใช้งานอินเตอร์เน็ต ในระหว่างที่เราต้องการทำงานแบบ Deep ลองหามาใช้งานกันดูครับ การเปิดเพลงบรรเลงก็ช่วย ให้เราโฟกัสกับงานได้เหมือนกัน ยิ่งเป็น Playlist ที่เใช้สำหรับทำงานด้วยแล้ว ของผมใช้ Playlist ใน Spotify ชื่อ Poductive Morning หรือ Coffee Table Jazz
ทำทุกอย่างให้เป็นจังหวะเดิมๆ (Set Your Routine)
ทำให้เป็นจังหวะซ้ำๆ จังหวะเดิมๆในแต่ละวัน การที่จะสร้างนิสัยให้ทำงานที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจำเป็นต้องสร้างให้เป็นนิสัย สิ่งที่ช่วยได้ดีคือการทำมันซ้ำๆ สร้าง Routine กิจกรรม ก่อนการทำงานขึ้น เมื่อเราทำไปบ่อยๆ เราก็จะไหลไปตามนิสัยใหม่นั้นโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากครับ เหมือนเราแปรงฟัน หรือ ฝึกขับรถ เมื่อเราทำอย่างต่อเนื่องช่วงแรกจะฝืนๆหน่อย ผ่านไปสักพักเราก็ทำเป็นนิสัได้ดีขึ้นครับ
ทั้ง 10 เทคนิค ทีมงานหนุนนำ เรานำมาปรับใช้กัน ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นมากมาย สามารถโฟกัสกับงานได้มากขึ้น ลองนำไปปรับใช้กันดูครับ ในช่วงLock Down อย่างนี้ใครอยากให้ทีมหนุนนำช่วยเช็คธุรกิจ สร้างเว็บไซต์หรือ ออกแบบ Business Model ให้เน้นการออนไลน์มากขึ้น ก็สามารถปรึกษาเราได้ที่ลิงค์นี้ หรือติดต่อเราได้ที่ Line OA : @noonnum
Comentarii